รักรสบ๊วย ep.10
ปล.แนะนำให้อ่านเนื้อเรื่องในจอยลดาก่อนนะคะ
“พ่อกับแม่คุณเขาจะชอบผมไหม?”
ดราฟต์หันมาถามบ๊วยที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับกำลังกดโทรศัพท์มือถืออยู่
“ชอบ ยังไงพวกท่านต้องชอบแฟนเค้าอยู่แล้ว”
“ยังไม่ได้เป็นครับ”
ร่างสูงตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มมุมปาก มองสัญญาณไฟจราจรที่อีกไม่กี่วิจะไปเขียว
“ก็บอกให้เป็นตอนนี้ ตอนนี้!!”
บ๊วยโวยวายออกมาซะเสียงดังลั่นรถ จนร่างสูงต้องหันมาทำหน้าดุใส่ แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นเพราะเขาต้องขับรถ
ร่างเล็กเงียบลงอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับบ่นพึมพำคนเดียวในใจ วันนี้หลังจากที่เขาซื้อพิซซ่าเสร็จก็รีบตรงไปที่ร้านของดราฟต์ทันที แต่พอไปถึงเท่านั้นแหละ คนเต็มร้านเลย อะไรที่เขาอยากทำก็ไม่ได้ทำ และกลับกลายเป็นว่าเขาต้องมาช่วยงานแทน
แล้วพอคนภายในร้ายน้อยลงหรือไม่มีลูกค้าแล้วเขาก็เดินเข้าไปหาดราฟต์ที่อยู่หลังร้าน เพื่อที่จะขอกอดอุ่นๆเป็นให้หายคิดถึงสักหน่อย แต่อีหน้าซามอยด์บอกว่าแค่อยากเห็นหน้า ไม่แปลว่าอยากกอด
เออ!! ให้มันได้แบบนี้สิ
และพอก่อนจะออกจากร้าน เขาขอดราฟต์เป็นแฟน แต่อีบ้าที่กำลังขับรถอยู่บอกให้เขาเลิกพูดเล่นแบบนี้สักที ไอ้ชิพหาย!! ใครมันจะไปพูดเล่นกันวะ หรือลุคเขาดูเป็นคนเล่นๆ ดราฟต์เลยไม่เชื่อถือ? กูต้องเอาพระพุทธรูปมาถือไว้ไหม มันจะได้ดูเชื่อถือ
ทุกครั้งที่พูดหรือพิมพ์ออกไปว่าอยากเป็นแฟน อยากได้เป็นหลัว ไอ้หน้าซามอยด์มันคิดว่าเขาเล่นๆหรือไงวะ?
หัวร้อน!!
//
ตอนนี้ทั้งดราฟต์และบ๊วยกำลังเดินเข้าไปภายในบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่หลังไม่ใหญ่เกินไปแต่ก็ไม่เล็กมากจนเกินไป มองรวมๆเป็นบ้านที่ดูอบอุ่นมาก
ดราฟต์คิดว่ามาตลอดว่าเป็นเจ้าของโรงพยาบาลอย่างน้อยบ้านต้องหลังใหญ่มากแน่ๆ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลย
แต่ก็มีการ์ดยืนอยู่รอบบ้าน แบบนี้คือไร? อย่างกับมาเฟีย
ไม่ใช่ว่าบ๊วยมาเฉลยเขาเอาตอนท้ายว่าจริงๆแล้วเป็นลูกมาเฟียนะ โรงพยาบาลคือบังหน้านะ ไม่งั้นเขาตายแน่ รักกับใครไม่รัก มารักกับลูกมาเฟีย อย่างกับละคร
เขาว่าตอนนี้เขาคงคิดมากเกินไป
“คุณนายกำลังทำอาหานอยู่ในห้องครัวค่ะ”
มีแม่บ้านด้วยหรอวะ? บ้านเขายังไม่มีเลย เออเนอะ ก็อย่างว่าเจ้าของโรงพยาบาล
“ป่ะ ไปหาแม่กัน” บ๊วยหันมาจับเข้าที่ข้อมือดราฟต์พร้อมกับเตรียมตัวจะเดิน
“เดี๋ยวคุณ”
“ทำไมหรอ?”
“ผมดูดียังอ่ะ”
เนี่ย!! แบบนี้หายหัวร้อนเลย น่ารักจังวะ อยากได้คนนี้อ่ะ บอกแม่ได้ไหม
“หล่อแล้ว ไปกัน”
“เดินไปพร้อมๆกันได้ไหม”
“ยังไง?”
“มาเดินไปข้างๆกันแบบนี้ไง”
เอาล่ะ ถ้าเอาเนื้อมาปิ้งบนหน้าเขาตอนนี้ได้เนื้อคงจะสุกได้ง่ายๆเลย เป็นประโยคธรรมดาที่เขาโคตรเขินอ่ะ คนหัวร้อนตอนนั้นคือใคร ไม่รู้จัก
//
“แม่ครับบบบ”
ทันทีที่เดินเข้าไปภายในห้องครัวบ๊วยก็รีบเดินเข้าไปกอด ไปอ้อนแม่ของตัวเองทันดี
“ว่าไงคะคุณลูกชาย ไม่เจอหน้าเป็นอาทิตย์ ทำไมผอมลงแบบนี้คะ”
“โทษที่พ่อเลยแม่ ใช้งานบ๊วยหนักมากกกกก”บ๊วยลากเสียงยาว
“วันนี้กินเยอะๆนะคะ แม่ทำของโปรดของลูกกับพี่บัวเยอะมากเลย”
“จะกินให้พุงแตกไปเลยครับ”
ดราฟต์ได้แต่ยืนยิ้มให้กับบ๊วยที่กำลังคุยกับคุณแม่อยู่ ดูเป็นครับครัวที่อบอุ่นดีจัง ขออิจฉาได้ไหมเนี่ย
“แล้วนั้นใครคะ?”
แม่ของบ๊วยหันมาเจอกับดราฟต์ที่อยู่บริเวณทางเข้าจึงถามออกไป
“สวัสดีครับคุณป้า”
“หวัดดีค่ะ”
“ดราฟต์ไงแม่ ที่บ๊วยบอก” บ๊วยหันไปบอกกับแม่ตัวเอง
“เรียกแม่เหมือนบ๊วยก็ได้ค่ะ แม่โอเค”
“แต่พ่อไม่โอเค”
ไม่รู้ว่าพ่อของเขาโผล่ออกมาจากส่วนไหนของบ้าน ที่พออกมาก็พาเอาบรรยากาศน่าอึดอัดเข้ามาปกคลุมทันที
“สวัสดีครับคุณลุง”
“แล้วนี่บัวยังไม่กลับอีกหรอ?”
พ่อของเขาตั้งใจเมินดราฟต์อย่างเห็นได้ชัด ไม่แม้แต่จะรับไหว้ ทำให้ดราฟต์ทำตัวไม่ถูกว่าจะทำตัวยังไงดี
“ทำอาหารเป็นใช่ไหมคะคราฟต์ มาช่วยแม่ดีกว่าค่ะ”
อย่างน้อยครั้งแรกในการเจอกับครอบครัวของร่างเล็กที่กำลังยืนทำหน้าบึ้งอยู่ก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกอย่าง
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะพ่อ”
“ฉันไม่มี”
“แต่บ๊วยมี มานี่เลย” บ๊วยพูดจบก็เดินเข้าไปกอดจับแขนพ่อของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเดินออกมาทันที แต่ก็ยังมิวายตะโกนส่งท้ายให้กับแม่ของตัวเองในห้อครัว
“ฝากแฟนบ๊วยด้วยนะแม่!!”
//
“เฮ้อออออ!”
“ไม่ต้องมาถอนหายใจเลย ทำไมทำนิสัยแบบนั้น”
“ฉันยังเป็นพ่อแกอยู่ป่ะวะ”
“แล้วพ่อที่ไหนทำตัวเหมือนเด็ก”
“..........”
“ไม่ต้องมาเงียบเลย”
“ก็บอกว่าอย่าพามันมา”
บ๊วยได้แต่มองบนกับประโยคที่พ่อพูดออกมา
“โอ๊ย!! .... เจ็บนะพ่อ ดีดมาได้”
“ดีแค่ไหนที่เป็นหน้าผาก ไม่ใช่ดีดตาแก”
“เชอะ ไม่คุยกับพ่อแล้ว เขาไปหาแม่ในครัวดีกว่า”
“ไปก็ไปทำให้ในครัววุ่นวาย นั่งรอบัวกับฉันตรงนี้แหละ”
“พ่ออ่ะ”
คุณพ่อแต่เหล่มองลูกชายตัวดีพร้อมกับยิ้มมุมปาก มีอะไรสนุกๆให้เล่นแล้วสินะ ตอนแรกได้แค่คิด แต่ไม่คิดวาจะได้เล่นวันนี้จริงๆ
กลับมาที่ภายในห้องครัว บรรยากาศไม่ได้ชวนอึดอัดมากอย่างที่มันควรจะเป็น เพราะแม่ของบ๊วยใจดี และเป็นคนชวนเขาคุยซะด้วยซ้ำ
“แล้วนี่เปิดร้านกาแฟนานหรือยังคะ?”
“เพิ่งเปิดได้ปีกว่าเองครับ”
“หรอจ๊ะ แล้วก่อนเปิดร้านกาแฟทำอะไรหรอ?”
“เปิดร้านกาแฟเหมือนกันครับ แต่เปิดกับคุณแม่ที่ต่างจังหวัดครับ”
“งั้นตอนนี้คุณแม่ก็เปิดร้านที่นั่นคนเดียวน่ะสิ”
“คุณแม่ผมเสียแล้วครับ”
“แม่ขอโทษนะลูก ไม่น่าพูดเลย”
ก็บอกแล้วว่าเขาขออิจฉาครอบครัวนี้ได้ไหม ที่เขาไม่เคยพูดถึงแม่เลยเพราะเขาไม่มีให้พูดถึงแล้ว เหลือก็แค่ความทรงจำดีๆมากมายที่เขากับแม่ทำด้วยกัน ถ้าถามถึงพ่อ เขาก็คงตอบได้แค่พ่อแต่งงานใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เพราะท่านไม่ติดต่อกลับมาเลย
เขาก็เหมือนเด็กขาดความอบอุ่นคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ไหนๆก็จะมาเป็นลูกเขยบ้านนี้แล้ว ก็ถือว่าเป็นลูกชายแม่อีกคนนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
//
“แล้วทำไมพี่บัวมาพร้อมพี่นิวได้อ่ะ”
“ก็ไม่ได้อยากมาพร้อมกัน”
“นี่โกรธกัน?”
บ๊วยถามออกไปเสียงดัง ทำให้ทั้งพ่อและนิวต้องหันมามองทางเสียง
“ทำไมต้องโกรธอ่ะ” บัวบอก
“อ้าว ไม่ได้ชอบกันหรอ?”
“นั่นเลขาพ่อ! แล้วก็กินๆเข้าไป”
บัวพูดพร้อมกับตักข้าวคำโตป้อนน้องชายตัวแสบของตัวเองทันที แต่อย่าเรียกว่าป้อนเลย เรียกว่าจับยัดจะดีกว่า
“ชอบกันหรอ?”
หลังจากบ๊วยเงียบปากลงไปได้บรรยายกาศก็อึดอึดขึ้นมาอีกครั้ง และจะอึดอัดขึ้นมาอีกหลังจากที่เจอประโยคที่หัวหน้าครอบครัวถามออกมา
“ถามก็ตอบ ไม่ใช่เอาแต่เงียบกันทั้งสองคนแบบนี้”
“ไม่ได้ชอบค่ะ / ชอบครับ”
พี่สาวของเขาปฏิเสธ แต่คุณเลขาของคุณพ่อกลับยอมรับซะงั้น เอาล่ะครับ อาหารมื้อนี้บันเทิงกันเลยทีเดียว
พ่อวางช้อนส้อมลงบนจานอย่างรวดเร็วหลังจากที่ได้ฟังคำตอบ และแม่ของเขาก็ว่างลงตาม แล้วก็กลายเป็นว่าทั้งห้าชีวิตบนโต๊ะอาหารไม่มีใครตักอาหารกินอีกต่อไป
ก็คงมีแต่เขาเนี่ยมั้งที่ตักอาหารเข้าปากคนเดียวอย่างไม่สนใจใคร
“พาบ๊วยกลับบ้านไป”
“ครับ?”
ดราฟต์ที่นั่งอยู่เงียบๆหันไปถามผู้ชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“บอกให้พาบ๊วยกลับไปก่อน”
“ไม่กลับ นี่ก็บ้านบ๊วยนะพ่อ”
“ถ้าไม่กลับออกไปตอนนี้ ฉันจะไม่ให้กลับไปบ้านมันอีกเลย”
“แต่บ๊วยจะอยู่กับบัว”
“บอกให้กลับไปก่อน!!”
“พ่อ!!”
คุณพ่อไม่สนใจว่าลูกชายตัวเองจะโวยวายออกมาเสียงดังขนาดไหน ท่านสั่งให้การ์ดที่อยู่บริเวรนั้นเดินมาลากตัวลูกชายจอมโวยวายออกไปส่งที่รถ โดยมีดราฟต์ที่ลาผู้ใหญ่และเดินตามออกมาเงียบๆ
“ปล่อยสิโว้ยยย ปล่อยยยยย!!”
“ปล่อยแล้วครับ”
“โอ๊ยย!! เหนื่อย เจ็บคอด้วย”
บ๊วยได้แต่ยืนหอบหายใจอยู่ข้างรถ และเตรียมตัวที่จะพุ่งเข้าไปภายในบ้านอีก แต่ก็โดนการ์ดขวางไว้เหมือนเดิม
“ผมว่าคุณขึ้นไปสตาร์ทรถรอดีกว่าครับ”
“ครับ”
ดราฟต์ตอบตกลงและทำตามที่การ์ดหนึ่งในสองคนนั้นพูดออกมา
และทั้งสองคนก็จับคุณหนูของตัวยัดเข้าไปภายในรถทันที พร้อมกับบอกให้ดราฟต์ขับรถออกจากบ้านไป
//
“ไม่น่าพูดเลย ฮือๆ”
อยู่ดีๆร่างเล็กที่เขากำลังนั่งมองอยู่นั้นก็ร้องไห้ออกมา และตอนนี้เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆแล้วค่อยๆจับร่างเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
“ร้องไห้อีกแล้ว”
“ฮึก...ฮือๆ....เธอ เค้านิสัยไม่ดีอีกแล้ว”
“.........”
ร่างสูงไม่ตอบแต่ลูบหลังแทน
“เค้าไม่น่าถามเลย เค้าคิดว่าพ่อจะเล่นๆ ฮือออๆ”
“ครับ ไม่ต้องร้องแล้ว”
“ฮือๆ เค้านิสัยไม่ดี เธอจะชอบเค้าไหม”
“ก็นิสัยแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรไม่ใช่หรอ”
บ๊วยผละออกจากอ้อมกอดของร่างสูง ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาแล้วหยิบทิชชู่มาสั่งน้ำมูก
“หมายความไงอ่ะ”
บ๊วยหยุดร้องไห้แล้วมานั่งมองหน้าดราฟต์อย่างคาดคั้นเอาคำตอบ เสียใจเรื่องที่เขาปากเสียถามพี่สาวไปก็เสียใจอยู่หรอก แต่ประโยคเมื่อกี้มันแปลกๆป่ะวะ?
“ไม่ร้องไห้แล้วหรอ?”
“ไม่ร้องแล้ว”
“ผมเชื่อว่าพี่คุณจะจัดการกับปัญหาพวกนั้นได้ แล้วนี่อิ่มไหม?”
“ไม่อยากกินอะไรแล้ว ว่าแต่เธอเหอะ หิวหรือเปล่า เห็นกินไปนิดเดียว”
“ไม่ครับ อยากอาบน้ำแล้วมากกว่า”
“งั้นเธอไปอาบน้ำก่อนเลย”
“คุณไปอาบก่อนเถอะ”
“แต่เค้าอยากคุยกับบัว”
“ก็พี่คุณเขายังไม่ตอบมาเลยไม่ใช่หรอ ไปอาบน้ำให้ใจเย็นก่อน”
“งั้นกอดเธอหน่อย”
ร่างเล็กแสร้งทำเสียงเศร้าพร้อมกับกอดร่างสูงเอาไว้ บ๊วยชอบความอบอุ่นนี้ ชอบกลิ่นน้ำหอมกลิ่นนี้ที่เขาเป็นคนซื้อให้ ชอบทุกอย่างที่รวมอยู่ในตัวของดราฟต์ เขาชอบมันทุกอย่าง
//
ไม่ชอบเลยจริงๆ
ดราฟต์เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วเดินกลับมาถ่ายรูปร่างเล็กที่นอนแบบไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวเก็บไว้
และอุ้มรูนีย์เอามันไปวางไว้บนที่นอนของมันที่มีปีเตอร์อีกตัวนอนอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว
เขาจับร่างเล็กให้นอนเข้าที่เข้าทางดีๆ เสร็จแล้วก็เดินไปปิดไฟ และนอนลงประจำที่ของตัวเองพร้อมกับสวมกอดร่างเล็กไปด้วย หลายวันที่ผ่านมาเขายอมรับเลย ว่าเตียงนอนมันกว้างแค่ไหนที่มีบ๊วยนอนอยู่ด้วย
ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษบ๊วยที่ทำให้เขาไม่ชินกับการนอนคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น